Wednesday, June 25, 2008

Peter Kurten ผีดูดเลือดแห่งดุสเซลดอร์ฟ


Peter Kurten (1883 - 1932)หรือ The Vampire of Düsseldorfปีเตอร์
คูร์เท่นเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1883ที่เมืองมูลเฮล์ม ประเทศเยอรมันในครอบครัวที่มีพี่น้อง 13 คน กล่าวกันว่าสาเหตุแรกที่ทำให้คูร์เท่นเติบโตไปเป็นฆาตกรผู้หาความสำราญจากการฆ่านั้นมาจากพ่อของเขานี่เอง พ่อของคูร์เท่นเป็นโรคติดเหล้าและมักมากในกาม เขามักจะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาโดยไม่ใส่ใจว่าจะมีเด็กๆอยู่ในที่นั้นด้วยรึเปล่า และมักจะใช้กำลังกับลูกของตัวเองบ่อยๆ จนกระทั่งในไม่ช้า เขาก็ข่มขืนลูกสาวคนโตและถูกจับเข้าคุกไป แต่ถึงตอนนั้น อุปนิสัยของคูร์เท่นก็บิดเบือนไปจากปกติเรียบร้อยแล้ว เขาเริ่มทำร้ายสุนัขจรจัดใกล้บ้าน และเมื่ออายุได้ 9 ปี คูร์เท่นก็ก่อคดีฆาตกรรมครั้งแรกในชีวิตขณะที่ไปเที่ยวเล่นที่แม่น้ำพร้อมกับเพื่อน อยู่ๆคูร์เท่นก็ผลักเพื่อนคนหนึ่งตกแพไป และเมื่อเพื่อนอีกคนกระโดดลงน้ำไปเพื่อจะช่วย คูร์เท่นก็กดหัวเด็กคนนั้นลงไปใต้แพ จนสุดท้ายเด็กทั้งสองคนต่างก็จมน้ำตายพออายุ 11 ปี เขาและครอบครัวได้ย้ายมายังดุสเซลดอร์ฟ และเมื่ออายุได้ 13 ปี คูร์เท่นซึ่งมักมากในกามเช่นเดียวกับพ่อ ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะระบายออกกับสัตว์ เขามักจะมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงเช่นแกะหรือแพะ พร้อมกับจ้วงแทงมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสัตว์นั้นขาดใจตายไป ซึ่งพฤติกรรมในช่วงนี้ยิ่งเป็นตัวเพิ่มพูนความเหี้ยมโหดในอุปนิสัยของเขาและมีผลไปจนถึงชีวิตในภายหลังของเขาด้วยเมื่ออายุ 16 ปี คูร์เท่นเข้าทำงานกับช่างตีเหล็ก แต่ทำอยู่ได้ไม่นานนักก็ขโมยเงินหนีไปและเริ่มอาชีพหัวขโมยนับแต่นั้น หากในไม่ช้าก็ถูกจับได้ ระหว่างปี 1900 - 1913 คูร์เท่นเข้าๆออกๆคุกเป็นกิจวัตร ข้อหาในช่วงนี้มีตั้งแต่การลักขโมย การใช้กำลัง การวางเพลิงและการต้มตุ๋น ระหว่างที่อยู่ในคุก คูร์เท่นมักจะจินตนาการถึงอาชญากรรมต่างๆที่เขาจะสามารถก่อที่ภายนอก เมื่อถูกปล่อยตัวก็จะก่อคดีและถูกส่งกลับเข้ามาในคุกอีก เขาเคยถูกจับถึง 17 ครั้งและใช้กว่า 27 ปีซึ่งเป็นครึ่งชีวิตของตัวเองอยู่หลังกรงเหล็กนั่นเอง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่คูร์เท่นค่อยๆฟักฟูมความโหดเหี้ยมในใจเขาให้เติบโตขึ้นมาทีละน้อยก็ว่าได้(ในช่วงนี้ คูร์เท่นสารภาพหลังจากถูกจับว่าเขาเคยฆ่าบีบคอหญิงผู้หนึ่งตาย แต่ไม่มีการพบศพในคดีนี้)ปี 1913 คริสติเน่ ไคลน์ (10) ถูกพบเป็นศพในห้องของตัวเอง ศพมีร่องรอยถูกล่วงเกินทางเพศ และในห้องมีผ้าเช็ดหน้าปักอักษรย่อ P.K. อยู่ แต่น่าเสียดายที่พ่อของเด็กหญิงเคราะห์ร้ายก็มีตัวอักษรย่อของชื่อว่า P.K. เช่นกัน คดีนี้จึงไม่ถูกโยงมาถึงตัวคูร์เท่น อาของเด็กหญิงถูกจับในฐานะผู้ต้องสงสัย หากก็ถูกปล่อยตัวไปเนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอส่วนคูร์เท่นนั้น หลายสัปดาห์ให้หลังเขาถูกจับในข้อหาเผารถม้าพร้อมกับพยายามฆ่าหญิงสาว 2 คน และถูกจำคุก 8 ปี แต่ก็ทำให้เขารอดพ้นจากการเกณฑ์ทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปได้ปี 1921 คูร์เท่นถูกปล่อยตัว ในช่วงนี้เองที่เขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักอย่างแท้จริงไปจนสิ้นชีวิต หญิงดังกล่าวก็มีประวัติติดตัวเช่นกัน เธอถูกนักต้นตุ๋นแต่งงานหลอก จึงยิงอีกฝ่ายตายด้วยความแค้น ในครั้งแรก ฝ่ายผู้หญิงปฏิเสธคำขอแต่งงานของคูร์เท่นมาตลอด แต่เมื่อคูร์เท่นขู่ว่าเขาจะฆ่าเธอ เธอก็เลยยอมแต่งงานด้วยในปี 19232 ปีหลังจากนั้น คูร์เท่นใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างปกติ จะมีก็เพียงคดีทำร้ายร่างกายสาวใช้ ซึ่งยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับอาชญากรรมที่เขาก่อทั้งหมด(คูร์เท่นรักภรรยาของเขาอย่างจริงใจจนตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนเรื่องความรักกับเพศสัมพันธ์จะเป้นคนละเรื่องกัน เขาคบหากับผู้หญิงหลายคน และเคยถูกภรรยาจับได้ด้วย)ปี 1925 คูร์เท่นกลับมายังดุสเซลดอร์ฟอันกลายมาเป็นเวทีในชีวิตอาชญากรรมของเขา ช่วง 3 ปีแรก เขาก่อคดีพยายามทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ 3 คดีและคดีวางเพลิงอีก 17 คดีและในปี 1929 คดี"ผีดูดเลือดแห่งดุสเซลดอร์ฟ"ก็เปิดฉากขึ้น3 กุมภาพันธ์ หญิงสาวผู้หนึ่งถูกแทงบาดเจ็บ 24 แผล ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน8 กุมภาพันธ์ โรซ่า โอลิก้า (8) ถูกแทง 13 แผลจนเสียชีวิต ศพของเธอมีร่องรอยถูกล่วงเกินทางเพศและถูกราดด้วยน้ำมัน12 กุมภาพันธ์ รูดอลฟ์ เชล (45) ถูกแทง 20 แผลจนเสียชีวิตหลังจากนั้นเขาพยายามจะฆ่ารัดคอหญิงสาว 2 คน แต่ปล่อยให้เหยื่อหนีรอดไปได้ คำให้การของหญิงทั้งสองทำให้ผู้มีอาการป่วยทางจิตอีกคนถูกจับ แล้วคูร์เท่นก็หลบซ่อนตัวอยู่หลายเดือนเป็นที่น่าสังเกตุว่าคูร์เท่นฆ่าเพื่อที่จะสนองอารมณ์ทางเพศของตัวเองก็จริง แต่เหยื่อของเขากลับมีวงกว้าง ไม่จำกัดเพศและอายุ เห็นได้ว่าความซาดิสต์ของคูร์เท่นได้มาถึงจุดที่ไม่มีการแบ่งแยกเหยื่อแล้ว11 สิงหาคม มาเรีย ฮานส์ (20) ถูกแทงเสียชีวิต ศพของเธอถูกฝังริมฝั่งแม่น้ำไรน์ คูร์เท่นตั้งใจขุดขึ้นมาประจานในภายหลัง แต่ศพหนักเกินไป เขาจึงฝังกลับลงไปเหมือนเดิม24 สิงหาคม ในวันนี้มีเหยื่อ 3 ราย เริ่มจากหลุยส์ เลนเซ่น (13) และเกลทรูเด้ ฮาไมเออร์ (3) ถูกแทงเสียชีวิต จากนั้นคูร์เท่นบุกเข้าทำร้ายเกลทรูเด้ ชูลเต้ (ชื่อเดียวกับเหยื่อรายที่ 2) เธอถูกแทงหลายแผล หากรอดมาได้โดยปาฏิหารย์ ซึ่งชูลเต้ได้ให้การเกี่ยวกับคนร้ายว่าเป็น"ชายท่าทางอัธยาศัยดี อายุราว 40 ปี ไม่มีลักษณะเด่นอะไร"29 กันยายน เอียด้า รอยเตอร์ (31) ถูกทุบด้วยค้อนจนเสียชีวิต11 ตุลาคม เอริซาเบท โดริเอล (ไม่ทราบอายุ) ถูกทุบด้วยฆ้อนจนเสียชีวิต7 พฤศจิกายน เกลทรูเด้ อัลเบลแมน (5) หลังจากบีบคอแล้วก็ถูกแทงจนเสียชีวิต2 วันให้หลัง คูร์เท่นส่งจดหมายแจ้งที่ทิ้งศพของอัลเบลแมนและที่ฝังศพของแมรี่ ฮานส์ไปให้กับหนังสือพิมพ์ มีการอธิบายสถานที่อย่างละเอียดละออและแนบกระทั่งแผนที่มาให้ จดหมายลงท้ายชื่อว่า"อัจฉริยะ"การที่คูร์เท่นถูกจับกุมนั้นเป็นเรื่องของความบังเอิญ19 พฤษภาคม 1930 คุณนายบรู้กแมนได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง จดมายดังกล่าวเป็นจดหมายที่แมรี่ บู้ดรีสตั้งใจจะส่งถึงคุณนายบรู้กเนอร์ แต่ชื่อสะกดผิด จึงถูกส่งมายังคุณนายบรู้กแมนแทน เนื้อหาของจดหมายเล่าถึงประสบการณ์อันน่ากลัวที่แมรี่ประสบเมื่อ 2 วันก่อนในวันนั้น ขณะที่แมรี่อยู่ที่สถานีรถไฟดุสเซลดอร์ฟ เธอถูกทักโดยชายผู้หนึ่งซึ่งเสนอความช่วยเหลือจะหาที่พักให้ และระหว่างที่แมรี่กำลังลำบากใจอยู่นั่นเอง ชายอีกคนหนึ่งก็เข้ามาช่วยเหลือเธอไว้และไล่ชายคนแรกหนีไป เมื่อชายดังกล่าวเชิญเธอไปพักดื่มน้ำชาที่ห้องพักของเขาซึ่งอยู่ใกล้ๆ แมรี่ก็ตอบตกลงด้วยความวางใจทันทีชายดังกล่าว...หรือคูร์เท่นพาเธอกลับไปยังห้องพักและเลี้ยงน้ำชา เขายังแสดงความใจดีด้วยการช่วยหาที่พักให้อีกด้วย แต่ขณะที่พาเธอไปส่งโรงแรม คูร์เท่นก็ข่มขืนแมรี่ในป่าระหว่างทางนั่นเอง เขาตั้งใจจะใช้เชือกรัดคอเธอให้ตายด้วยแต่ก็เกิดเปลี่ยนใจและถามแมรี่ว่าเธอจำทางไปห้องพักของเขาได้หรือไม่ แมรี่ตอบว่าจำไม่ได้ เขาจึงพาเธอไปส่งที่ป้ายรถไฟและหายตัวไปคุณนายบรู้กแมนรีบนำจดหมายดังกล่าวส่งตำรวจทันที แมรี่ถูกเรียกตัวมาให้การ และเนื่องจาก(ที่จริงแล้ว)เธอจำที่พักของคูร์เท่นได้ ตำรวจจึงไปยังห้องพักดังกล่าว หากในตอนนั้นคูร์เท่นไม่อยู่บ้านพอดี ภรรยาของเขางุนงงมากเมื่อถูกเรียกตัวมาสอบปากคำจากที่ทำงานหลายวันให้หลัง คูร์เท่นกลับมาบ้าน (ที่จริงแล้ว เขาแอบเห็นจากข้างนอกตอนที่ตำรวจมาบ้าน) และบอกกับภรรยาว่าเขานี่แหละคือ"ผีดูดเลือดแห่งดุสเซลดอร์ฟ" และบอกให้ภรรยาไปแจ้งความจับเขาเพื่อที่เธอจะได้รับเงินค่าหัวของเขาเอง และสามารถใช้ชีวิตในภายหลังได้อย่างไม่อัตคัต24 พฤษภาคม ภรรยาของคูร์เท่นเข้าแจ้งความกับตำรวจ ปิดฉากคดีผีดูดเลือดแห่งดุสเซลดอร์ฟลงในที่สุด8 กรกฎาคม 1931 ปีเตอร์ คูร์เท่นถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือการได้ยินเสียงเลือดของตัวเองหลั่งออกมาจากคอเมื่อกิโยตินได้ตัดหัวของเขาไปแล้ว ไม่มีใครแน่ใจว่าเขาสมใจดังที่หวังไว้รึเปล่า

No comments: